บทที่ 4 ตอนที่ 4

และไอ้เจ้าสิ่งระคายมือที่แอบสงสัยอยู่เมื่อครู่นี้ ที่แท้มันก็คือเส้นขนหยิกหย็อยที่มันปกคลุม แผงอกที่หล่อนดันโง่เง่าละเมอว่าเป็นแผ่นหินอยู่เมื่อครู่นี้รกรุงรัง

นี่หล่อนบ้าหรือสติไม่ดีกันแน่ ทำไม... ทำไมถึงได้ยอมนอนให้ผู้ชายมาหาความสุขบนเรือนร่างได้แบบนี้ ทำไมหล่อนถึงหลงใหลได้ปลื้มกับสัมผัสของเขา และทำไมถึงแยกแยะไม่ออกว่าสิ่งไหนคือความปวดร้าวและสิ่งไหนคือความรู้สึกที่ถูกปลุกเร้า

โง่มากจนไม่รู้ว่า สิ่งที่คิดว่ากำลังฝันไปนั้น มันคือเรื่องจริง...

ใช่! มันเรื่องจริงทีเดียวเชียวแหละ เพราะตอนนี้หล่อนนอนแผ่หลาให้พ่อเทพบุตรผู้มีดวงตาสีทองคนนี้ตักตวงความสุขจากเรือนกายได้อย่างไม่ละอาย ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจไว้ว่าจะมอบให้กับเจ้าบ่าวในคือเข้าหอเท่านั้น...

“ตื่นแล้วหรือ... แสดงว่าวิธีปลุกของผมยังใช้ได้ดีอยู่”

น้ำเสียงห้าวที่แปร่งเล็กน้อยระเบิดเข้ามาในหู และนั้นมันก็ทำให้ใบหน้างามแดงก่ำด้วยความโกรธแกมอับอาย มือบางที่ลูบไล้อกกว้างและแถมยังสะกิดยอดอกสีเข้มของยาห์มิลอยู่เมื่อครู่นี้เปลี่ยนเป็นผลักไสพัลวัน

“คนเลว คุณ... คุณทำอะไรฉัน”

ทั้งดิ้น ทั้งหยิก ทั้งข่วนแต่ดูเหมือนว่าวิธีที่ใช้นี้มันจะไม่ได้ผลสำหรับผู้ชายที่ตัวใหญ่มากเช่นเขา เพราะไม่ช้ามือหนาก็รวบข้อมือขาวเนียนทั้งสองข้างขึ้นไปไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะก้มลงมอบรอยยิ้มมาดร้ายให้ในระยะเส้นด้ายรอดผ่าน

“น่าแปลกที่คำพูดของคุณช่างตรงข้ามกับการกระทำชะมัด” ดูแคลน นี่คือคำเดียวที่แฝงชัดอยู่ในคำพูดของเขา

“คุณ...ข่มขืนฉัน...”

เส้นคิ้วสีนิลที่พาดยาวอยู่เหนือดวงตาคมกริบเลิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่รอยยิ้มที่มันช่างตรงกันข้ามกับความยินดีระบายชัดเจนบนใบหน้าหล่อระเบิดนั้น

“ข่มขืนหรือ... ยังนี่ ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณสักหน่อย แค่ลูบ ๆ คลำ ๆ ด้วยมือและก็ริมฝีปากของผม แต่อีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ ผมคงทำอะไรที่มันมากกว่าลูบ ๆ คลำ ๆ แน่...”

ดวงตากลมโตที่ขนตายาวยังเปียกชื้นไม่หายเบิกกว้าง เนื้อตัวเกร็งขึ้นมาด้วยความหวั่นเกรง รู้สึกเหมือนกำลังจะจมน้ำ ออกซิเจนเริ่มขาดแคลน

ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า... จะต้องมานอนทอดกายอยู่ใต้ร่างของผู้ชายตัวโตผิวสีน้ำตาลทองคนนี้ แม้แต่ในฝันเฟื่องก็ไม่เคยมี นี่คงเป็นผลพ่วงที่เกิดมาจากแอลกอฮอล์ที่ตัวเองกรอกเข้าปากไปเมื่อคืนนี้อย่างแน่นอน ทำไมหล่อนถึงได้ขาดสติได้ถึงเพียงนี้ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ดีก็ยังจะดันทุรังดื่มมันเข้าไปอีก

ก็เป็นเพราะหล่อนเจ็บปวดยังไงล่ะ เลือดออกที่หัวใจ ทำยังไงก็ไม่อาจจะทานทนต่อพิษบาดแผลได้ นอกจากเยียวยาด้วยความมึนเมา

“ในเมื่อคุณตื่นเต็มตาแล้ว ก็ลงมือทำหน้าที่ของคุณสิ จบแล้วจะได้แยกย้ายกันไป”

“คนเลว ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณหมายถึงอะไร”

บัวบุษบายังดิ้นรนไม่หยุด แม้จะถูกตรึงไว้ทุกทาง แต่ยิ่งดิ้นเนื้อนุ่มที่เปลือยเปล่าขาวสะอาดที่ถูกพ่อรูปหล่อถอดเสื้อผ้าออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ก็ยิ่งแนบสนิททั้งเสียดทั้งสี จนความร้อนผ่าวแผดเผาไปทั่วทั้งร่าง และยิ่งเปล่าเปลือยด้วยกันทั้งสองฝ่ายแบบนี้ ยิ่งดิ้นก็เหมือนยิ่งสนองอารมณ์กันด้วยเชื้อไฟปรารถนา

“ลีลาดีเป็นบ้า ให้ตายสิ!”

ใบหน้าหล่อกระด้างขึ้นน่ากลัว เมื่อเนื้อตัวของเขาแทบแตกปริเพราะความนุ่มนิ่มที่ถูไถไปมาอย่างเร่าร้อน นี่หากเขาไม่รู้จักอาชีพของหล่อนเสียก่อน คงคิดว่าสาวน้อยคนนี้ยังเป็นพรหมจารีอยู่อย่างแน่นอน เพราะทั้งหน้าแดง ทั้งดิ้นรนอย่างเหนียมอาย แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อก็เห็น ๆ กันอยู่ว่า หล่อนประกอบอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในโลกได้ยอดเยี่ยมขนาดไหน

ก็ดูเจ้าร่างกายของเขาสิ มันบอกโต้ง ๆ อยู่แบบนี้ เจ้าหล่อนมีความสามารถที่เยี่ยมยอดชะมัด แค่ดีดดิ้นนิดหน่อยก็สามารถปลุกปั่นอารมณ์ใคร่ของเขาให้ระเบิดออกมาได้เกินร้อย ทั้ง ๆ ที่แม่นางแบบฮอลิวูดหลายต่อหลายคนยังไม่อาจทำให้เขาร้อนเป็นไฟแบบนี้ได้สักคนเดียว

เจ้าหล่อนดูไร้เดียงสา ขณะเดียวกันก็เร่าร้อนเกินจะรับมือ แถมร่างกายของหล่อนยังอวบอัดไปทุกส่วน งดงามหาที่ติได้ยากนัก โดยเฉพาะอกสาวที่ขาวอวบใหญ่มีเม็ดทับทิมสีระเรื่อประดับอยู่ที่ปลายยอดงดงาม เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผายกลมกลึง แถมด้วยบั้นท้ายงอนงามน่าฟอนเฟ้น

และต่ำกว่านั้น... สวยงามเกินกว่าจะทำเมินเฉยได้ แม้กับผู้ชายที่ผ่านผู้หญิงมาอย่างโชกโชนแบบเขาก็ไม่ได้รับการยกเว้น

“อย่ามาหยาบคายกับฉันนะ ปล่อยเถอะ ปล่อยฉัน...”

ยิ่งดิ้น ก็ยิ่งร้อน ไม่ใช่แค่กับยาห์มิลคนเดียว เพราะกับบัวบุษบาเอง หล่อนก็ไม่อาจจะปฏิเสธความวูบวาบที่ปั่นป่วนอยู่ภายในกายขณะนี้ได้ ยิ่งมีลมหายใจจากปลายจมูกโด่งเป่ารดพวงแก้มด้วยแล้ว สาวน้อยก็แทบจะละลาย

“ไม่ปล่อย หุบปากและก็บริการผมให้ถึงใจก็แล้วกัน เพราะบางทีผมอาจจะให้รางวัลติดไม้ติดมือกลับไปก็ได้”

ยาห์มิลพูดพร้อมกับก้มศีรษะทุยได้รูปสวยที่มีเส้นผมดกดำลงมาหา สาวน้อยหายใจได้ไม่ทั่วท้อง หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้จริง ๆ ว่าตอนนี้หล่อนได้เสียสิ่งที่หวงแหนให้กับเขาไปหรือยัง

“ฉันไม่...”

“เพราะคุณต้องเหนื่อยหลายชั่วโมงทีเดียว กว่าผมจะอิ่ม...”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป